เพราะทางเท้ากรุงเทพทำให้ “คนโสด” คนไทยต้องการ “ความเท่าเทียมด้านความรัก”

นี่คือความไม่เท่าเทียมทางความรักของหญิงและชาย

 

ผังเมืองของกรุงเทพไม่เหมาะกับการใช้ชีวิตคู่และมีส่วนทำให้คนไม่มีแฟน Clio Andris ได้ทำวิจัยเรื่อง “Romantic Relationships and the Built Environment” พบว่าโครงสร้างของเมืองมีผลกระทบกับความสัมพันธ์เพราะมันกำหนดสิ่งแวดล้อมที่คนใช้ชีวิตและมีปฏิสัมพันธ์กัน และกรุงเทพมีลักษณะตรงข้ามกับเมืองที่เอื้อให้คนรักกันเกือบทุกข้อ ทางเท้าเราส่วนใหญ่เล็กเกินจะเดินจูงมือกัน ไอ้ที่พอเดืนได้ก็มักจะพัง รถติดแถมระบบขนส่งสาธรณะก็ไม่มีประสิทธิภาพทำให้เดินทางยากและไม่ได้ใข้เวลาด้วยกัน ต้องเหนื่อยเครียดและหมดเวลาไปกับท้องถนน เราไม่มีสวนหรือพื้นที่สีเขียวให้พบกับคนใหม่ๆ เราไม่มี public space โรแมนติคริมน้ำหรือ cultural venue ให้คนเดทกัน นี่ยังไม่นับรวม pm 2.5 ที่ทำให้เราต้องใส่หน้ากากปิดหน้าปิดตา

 

มันก็เลยต้องมี dating app

 

ในความรัก ผู้หญิงถูก treat เป็นพลเมืองชั้น 2 ทั้งในออนไลน์และออฟไลน์ 

 

ตั้งแต่เด็กผมชอบและชื่นชมผู้หญิงที่จีบผู้ชายก่อน สำหรับคนที่เกิดในยุค Gen X และ Gen Y ต้นๆการเป็นฝ่ายเดินเข้าไปทักผู้ชายก่อนและขอเบอร์จะโดนเพื่อนมองว่าแรง โดนผู้ชายมองว่าใจง่าย โดนคนรอบข้างมองว่าลดคุณค่าผู้หญิง การที่ผู้หญิงธรรมดาคนนึงจะ honest กับความรู้สึกตัวเองและเผยมันอย่างตรงไปตรงมาได้ต้องต่อสู้กับคำตัดสินของคนรอบข้าง รวมทั้ง self-doubt ในตัวเองตลอดทาง เลยเป็นผู้หญิงที่เท่ห์มากสำหรับผม

 

มีคน search “how do i meet people?” มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ คนที่อยู่ในแอปไม่ได้เป็น bot แต่เป็นคนเหงาเหมือนๆกัน อ้างว้างเหมือนๆกัน เรามาใจดีต่อกันเถอะนะ

 

“Why was I not allowed to text a guy first in the college? Why was that seen as a cardinal sin by my group of girlfriends?” ความรู้สึกของ Whitney Wolfe Herd ผู้เป็น Founder และ CEO ของ Dating App ชื่อดัง “Bumble” ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพราะ “ความไม่เท่าเทียมด้านความรักที่ผู้หญิงต้องเจอ”

 

ความไม่เท่าเทียมด้านความรักไม่ได้มีแค่ในออฟไลน์เท่านั้น แต่รวมถึงออนไลน์เมื่อ social network และ dating app เกือบทั้งหมดสร้างโดยผู้ชายเพื่อแก้ปัญหาของผู้ชาย ผู้หญิงเลยถูกลดค่าเป็นเพียงแค่ “วัตถุ” (Objectification)  มักจะเป็นฝ่ายถูกเลือกและถูก swipe ทิ้งง่ายๆ ถูก “ghosting” บ้าง “breadcrumbing” บ้าง หนักเข้าก็โดนล่วงละเมิดทางเพศ และ abuse ในแอป แทนที่ใช้แอปแล้วจะได้แฟนกลับจบลงด้วย self-esteem ต่ำ “นี่กูแย่ขนาดนี้เลยเหรอ” “กูไม่สวย กูอ้วนไปใช่มั้ย”

 

และ Whitney ก็เป็นผู้หญิงคนนึงที่โดนแบบนี้

 

ก่อนที่จะสร้าง Bumble เธอเป็น Co-Founder และเคยเป็นผู้บริหาร Dating App อันดับ 1 ของโลก “Tinder” แต่แล้วเธอก็ลาออกและฟ้อง Tinder  เพราะเธอโดนเหยียดและล่วงละเมิดทางเพศ พอคดีของเธอเป็นข่าวก็มีพวก haters คุดขุ้ยประวัติของเธอ เอา “อดีต” ที่ผ่านมานานแล้วมาตัดสิน “ปัจจุบัน” ของเธอ ทั้ง abuse ประจาน และ bully เหตุการณ์นั้นทำให้หญิงสาวอายุ 24 แตกสลาย 

 

วันนึงเธอได้รับสายจากชายคนหนึ่ง Andrey Andreev Fouder และ CEO ของ Dating App ที่ชื่อว่า Badoo เขายื่นข้อเสนอ เงินทุน รวมทั้งประสบการณ์ในการทำธุรกิจ Dating App ให้กับ Whitney 

 

“I’m still breathing” เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำลายชีวิตเธอไม่ได้ ในช่วงเวลาต่ำสุดของชีวิต เธอสร้าง Bumble App ขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาและ pain ที่เธอต้องเจอ “ความไม่เท่าเทียมด้านความรักของผู้หญิง” และ “ความใจร้ายของ Internet”

 

“To create a world where all relationship are healthy and equitable, through Kind Connections” คือ Mission ของบริษัท

 

App นี้ต่างจาก Dating App อื่นตรงที่มัน “สร้างความเท่าเทียมด้านความรักให้ผู้หญิง” และ “สร้างโลกดิจิตอลที่ปลอดภัยสำหรับผู้หญิง”

 

หลังจากที่การจับคู่ match กันแล้ว Bumble จะให้ผู้หญิงเป็นฝ่ายทักผู้ชายก่อนเท่านั้น โดยผู้ชายทำได้แค่ “รอ” และ machine learning ของ app จะทำการสกรีนและบล็อค users ที่มีพฤติกรรมหรือสร้างคอนเทนท์ที่ harassment และ hate เพื่อปกป้องผู้หญิงจากความสัมพันธ์ที่ toxic และลดคุณค่าในตัวผู้หญิง 

 

Bumble ติด Top 5 iOS Lifestyle app ใน 109 ประเทศ และแอปนี้ยังช่วยผลักดันจนเกิดกฏหมาย Digital Sexual Harassment ในรัฐเท็กซัส รัฐแคลิฟอร์เนียและอีกหลายๆรัฐ

 

ผู้หญิงมักเป็นฝ่ายเสียเปรียบผู้ชายในเรื่องความรักมาตลอด ตั้งแต่อดีตจนถึงวันนี้ จีบผู้ชายก่อนก็จะถูกว่าเป็นผู้หญิงแรง เป็นสาวโสดก็ถูกมองว่าล้มเหลว สวยและเก่งยังไม่พอต้องมีแฟนด้วย หรือถ้าแต่งงานแล้วก็ต้องดูแลสามี ดูแลลูก ดูแลบ้านให้ดี และหน้าที่การงานต้องดี พอเลิกกันก็มักเป็นฝ่ายถูก abuse  หรือ bully หรือถ้าผ่านการหย่าร้างก็มักจะเป็นปมติดตัว

 

เราอยู่กับทางเท้ากรุงเทพแล้ว ยังอยากให้ตัวเรา หรือแฟนที่เรารัก หรือแม่ พี่สาว น้องสาว ลูกสาว อยู่กับความไม่เท่าเทียมด้านความรักจริงๆหรือ

 

หรือเราจะสร้างมันใหม่ด้วยกัน

 

“Lovers never surrender to each other, lovers simply surrender to love” – Osho

 

SDGs Goal : Gender Equality, Good Health and Well-being

Writer : ยอด Co-Founder, Goodwill Compounding

Source : Stanford Graduate School of Business, Bumble Annual Report

Photo credit: สำนักข่าวอิศรา

Scroll to Top