Passion มาจากคำว่า ” Passio” ภาษาละติน แปลว่า “ความเจ็บปวด” (to suffer)
.
มีคนถาม Jonathan Ive อดีต Chief Design Officer ของ Apple มือขวาของ Steve Jobs ว่าเพราะอะไร Steve Jobs ถึงประสบความสำเร็จ
.
“Steve Jobs สามารถปฏิเสธเรื่องที่เข้ามาในชีวิต 99% เพื่อทำแค่ 1%” คือคำตอบของ Jony
.
นั่นคือ Focus
.
ตั้งแต่เปิดบริษัทมา เราขออนุญาติปฏิเสธลูกค้า 3 ราย และหนึ่งในนั้นเป็นบริษัทใน SET 50
.
“การรับงานเพราะอยากได้เงิน ไม่ใช่สิ่งที่ลูกค้าควรได้รับ”
.
มีคำถามสำคัญคำถามนึงใน silicon valley ที่จะถามเวลาหาพนักงานหรือบริษัทที่เราจะลงทุนด้วย “คุณคือ Missionaries หรือ Mercenaries”
.
“Missionaries” คือ เหล่านักบวชที่เผยแพร่ศาสนาและทำงานเพื่อรับใช้พระเจ้า เป็น purpose หรือ mission ที่สูงกว่าตัวเอง ส่วน “Mercenaries” คือ นักรบรับจ้างที่ทำงานเพื่อเงิน
.
ทำด้วย passion = ทำเต็ม 100 ให้กับลูกค้า
.
เราทำโปรเจคที่เรามี passion เท่านั้น ซี่งเป็นโปรเจคของลูกค้าที่อินกับความยั่งยืนหรืออยากทำสิ่งดีๆ เรามี Resource ที่จำกัด เลยอยากทุ่มทุกอย่างที่มีไปกับ 1% ที่เราสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงได้ และ say no กับ 99% ถึงแม้เราจะได้ตังค์มากและทำให้ธุรกิจเราโตแบบก้าวกระโดด
.
ที่ผ่านมาลูกค้าที่เราทำงานด้วยจะได้ “งานที่ดีที่สุด” ดีในแบบที่เราไม่สามารถทำให้ดีกว่านี้ได้อีกแล้ว เพราะเราทำงานให้เขาด้วย “ใจ” และเขาไม่ได้ร่วมงานกับบริษัทที่จ้องจะเอาเงินจากเขา แต่เป็นบริษัทที่มี purpose และให้เขาเต็ม 100 เท่านั้น
.
Consult บางแห่งอาจมองเราโง่เง่าที่ทำแต่โปรเจคที่เรามี passion เท่านั้น เพราะมันหมายถึงรายได้จำนวนที่อาจมากกว่าครึ่งที่จะต้องหายไป สู้รับเงินแล้วทำโปรเจคแบบ “halfheart” พอให้จบ แต่เรามองว่าถ้าทำก็ต้องทำให้สุดเท่านั้นหรือไม่ก็ไม่ทำเลย
.
“เพราะนั่นคือการให้เกียรติกับลูกค้า”
.
ใน passion มีความเจ็บปวด เพราะมันทำให้เราโตช้าลงอย่างมาก และเพิ่มปัจจัยเสี่ยงทางธุรกิจโดยไม่จำเป็น
.
เราเลือกแล้วที่จะเป็น Missionaries ไม่เป็น Mercenaries
.
Value ที่ 4 ของพวกเรา Passion or Nothing