ถ้าคุณยังไม่รู้ว่าหมากฝรั่งที่เรากำลังเคี้ยวอยู่ มีส่วนผสมของ “พลาสติก” เราคือ เพื่อนกัน
เมื่อวันก่อน ได้ไปเดินซุปเปอร์มาร์เก็ตที่ขึ้นชื่อเรื่องอาหารสุขภาพในอเมริกาอย่าง Whole food แล้วสะดุดตากับหมากฝรั่งแบรนด์หนึ่ง เพราะเขียนบนกล่องว่า “Don’t chew plastic-gum”
แม้ว่าส่วนตัวจะไม่ได้ชอบเคี้ยวหมากฝรั่ง เพราะเรื่องบุคลิกภาพและความขี้เกียจคายทิ้งของตัวเอง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะซื้อมาลองด้วยความสงสัย และทำการรีเซิร์ชเพิ่มเติมตามสไตล์
เริ่มจากความสงสัยว่า เอ้ะ หมากฝรั่งทำจากพลาสติกด้วยหรอ?
US FDA อนุญาตให้หมากฝรั่งสามารถทำจากสารสังเคราะห์ หรือ gum-based ซึ่งประกอบไปด้วยสารหลายชนิด อาทิ Butadiene-styrene, Petroleum wax, Polyethylene plastic, Polyvinyl acetate เป็นต้น ซึ่งเป็นสารดังกล่าวสามารถพบได้ในถุงพลาสติก, พื้นรองเท้า, กาว ฯลฯ ด้วยเหตุนี้หมากฝรั่งทั่วไปจึงเป็นขยะที่ต้องใช้เวลามากกว่า 400 ปี ในการย่อยสลาย
อ่านถึงตรงนี้ หลายคนคงสะดุ้งนิดหน่อย สรุปมันกินได้ใช่ไหม? คำตอบคือ กินได้ เพราะมีปริมาณน้อย และที่สำคัญคือ เราไม่ได้กลืนลงไป ด้วยเหตุนี้พลาสติกหรือสารสังเคราะห์เหล่านี้จึงได้รับอนุญาตให้ใช้ในหมากฝรั่งได้ แถมปัจจุบันยังไม่มีวิจัยยืนยันอย่างเป็นทางการอีกว่า microplastic เหล่านี้มีอันตรายกับร่างกาย
อย่างไรก็ตาม มีงานวิจัยส่วนหนึ่งบอกว่า พลาสติกโมเลกุลจิ๋วเหล่านี้เป็นอันตรายต่อร่างกายในระยะยาว พวกมันจะค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปในเซลล์ กระแสเลือด และอวัยวะต่างๆ ซึ่งทุกวันนี้ค่าเฉลี่ยที่มนุษย์เราได้รับ microplastic ปนเปื้อนมากับอาหารถือว่าเยอะมาก เสมือนกินบัตรเครดิตเข้าไปทุกสัปดาห์อยู่แล้ว
“ถ้ามันจะขนาดนี้ ก็ทำหมากฝรั่งจากธรรมชาติสิ”
นี่คือสิ่งที่เจ้าของแบรนด์หมากฝรั่ง plastic-free ยี่ห้อ Simply คิด หมากฝรั่งปกติทำกันอย่างไร เราจะ disrupt ให้มันเป็นหมากฝรั่งที่ดีกว่าโดยสิ้นเชิง
หมากฝรั่งทั่วไป มีสารสังเคราะห์มากมายในส่วนประกอบหลัก และแม้แต่สี, กลิ่น, รสชาติ, ความหวาน ก็ยังเป็นสารสังเคราะห์
Simply จึงคิดค้นหมากฝรั่งที่ธรรมชาติที่สุด จากวัตถุดิบที่สมัยโบราณใช้เคี้ยวเพื่อความสะอาดฟันอย่าง “Chicle” หรือยางจากต้นไม้ตระกูล Mesoamerican, ใช้รสชาติและความหวานจากพืช, ไม่แต่งสีเพิ่มเติม แม้ต้องแลกมาด้วยรสชาติ กลิ่น หรือสีสัน ที่ไม่ได้น่ารักเท่าหมากฝรั่งทั่วไป (ลักษณะเป็นเม็ดสีน้ำตาล ตามภาพข้างต้น ส่วนตัวตอนเห็นครั้งแรกแอบตกใจ นึกถึงอาหารเม็ดของสัตว์ ฮ่าๆ) แต่นี่คือจุดยืนของที่ Simply ที่อยากทำให้หมากฝรั่งของเขามาจากธรรมชาติที่สุด และเชื่อว่าผู้บริโภคหลายคนก็เข้าใจและรับได้ ดูจากการเติบโตที่สามารถวางขายในห้างดังมากมายในอเมริกา และสร้างรายได้ปีล่าสุดมากถึง 12 ล้านดอลล่าร์ต่อปี
และ Simply เป็นเพียง 1 ในตัวอย่างแบรนด์หมากฝรั่งธรรมชาติ เพราะตอนนี้ที่อเมริกามีไม่ต่ำกว่า 10 แบรนด์ และSimply อาจจะยังไม่ใช่แบรนด์ที่ Sustainable ที่สุด จากหลายๆ ประเด็นที่ยังไม่ได้คำตอบ เช่น แหล่งที่มาของ chicle ไม่เคยเคลมว่ามาจากแหล่งปลูกที่ Sustainable เป็นต้น
เสียดายที่เมืองไทยยังไม่มีสินค้าแบบนี้ แต่คิดว่าในไม่ช้าน่าจะมีคนไทยเก่งๆ คิดค้นวัตถุดิบจากธรรมชาติในบ้านเราทดแทนได้
ถึงเวลานั้น หลายคนคงลองซื้อด้วยความแปลกใหม่หรือรู้สึกตอบโจทย์ แต่อย่างไรก็ดี อยากให้ทุกคนลองดูความจำเป็น หรือทางเลือกอื่นๆ ดูก่อน อาจจะมีอีกหลายวิธีที่ดีกว่าที่สามารถแก้ปัญหาทดแทนหมากฝรั่งได้
เพราะการบริโภคของเรา มักสร้างผลกระทบต่อโลกไม่ทางใดก็ทางหนึ่งเสมอ แม้จะเป็นสินค้าที่ดีต่อโลกก็ตาม
แหล่งอ้างอิง https://thedieline.com/blog/2021/8/2/stop-gnawing-on-plastic-and-check-out-these-5-plastic-free-chewing-gum-brands